ถอดบทเรียนแชมป์ยูโรกับ 4 Key Success ที่สามารถปรับใช้ในการทำงาน

July 13, 2021 Career Advice
ถอดบทเรียนแชมป์ยูโรกับ 4 Key Success ที่สามารถปรับใช้ในการทำงาน

คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทีมชาติอิตาลีได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์ยูโร 2020 สมัยที่ 2 ในรอบ 53 ปี ทัพอัซซูรี่เริ่มต้นจากการเป็นม้านอกสายตาเพราะก่อนหน้านี้ในปี 2018 พวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือกไปแข่งในทัวร์นาเมนต์บอลโลกด้วยซ้ำ นั่นคือจุดตกต่ำที่สุดของแชมป์โลกสี่สมัยอย่างอิตาลี แต่สุดท้ายอิตาลีภายใต้การนำทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ก็สามารถคว้าแชมป์ยูโรได้สำเร็จ เรามาดูกันว่า 4 Key Success ของทีมชาติอิตาลีชุดนี้คืออะไร และเราสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้กับการทำงานของเราได้อย่างไร

 

  1. Inspiration

โรแบร์โต้ มันชินี่ เป็นโค้ชชื่อดังและประสบการณ์สูง เขาเป็นที่ยอมรับจากผลงานการคุมทีมอินเตอร์มิลานและแมนเชสเตอร์ซิตี้ เขาเข้ามารับงานในช่วงที่อิตาลีสิ้นหวังที่สุด แต่ใช้เวลาเพียงสามปีในการทำทีมมันชินี่ก็พาทีมคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ได้สำเร็จ เขาเริ่มสร้างทีมจากการตั้งเป้าหมายที่ไม่มีใครเชื่อว่าอิตาลีในช่วงขาลงจะทำได้ กับการเป็น “แชมป์ยูโร” เขาสร้างฝันร่วมกับนักเตะในแคมป์ที่ชาติและสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้นักเตะ อิตาลีค่อยๆ เก็บชัยชนะมาเรื่อยๆ มันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้อิตาลีทีละเล็กละน้อย อิตาลีสามารถทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่แพ้ใครติดต่อกันนาน 34 เกม

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าการเป็นผู้นำที่จะเป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนได้ ผู้นำจะต้องแน่วแน่ในเป้าหมายและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ทุกคนที่คัดเลือกมาเข้าทีมต้องมีฝันเดียวกัน โดยใช้วิธีตั้งเป้าหมายให้ใหญ่แต่ซอยออกมาเป็น task เล็กๆ เหมือนที่อย่างอิตาลีค่อยๆ เก็บชัยชนะจากเกมง่ายๆ และไต่ระดับมาเกมที่ยากขึ้น เพราะการตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้ใครต่อใครไม่กล้าฝัน และไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำได้ แต่การแบ่งเป้าหมายและทำให้สำเร็จทีละส่วนจะทำให้ทุกคนในทีมเชื่อว่ามันมีทางไปได้และอยากจะก้าวต่อไปเพื่อให้ใกล้ความสำเร็จยิ่งขึ้น

  1. Trust

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นของอิตาลีชุดนี้คือความไว้ใจในทีมที่สูงมาก ทั้งความไว้ใจของโค้ชที่มีต่อนักเตะ และความไว้ใจของนักเตะที่มีให้เพื่อนร่วมทีม อิตาลีชุดนี้มีน้อยครั้งมากที่เราจะเห็นนักเตะโทษกันเอง แต่สิ่งที่เราเห็นคือถ้าใครผิดพลาดก็จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กัน หากประกบพลาดไม่เป็นไรเรามีเพื่อนอีกคนช่วยซ้อน หากทำเสียประตูไม่เป็นไร ช่วยกันยิงใหม่ให้ได้ หากบาดเจ็บตัวสำรองก็พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อทดแทน หากนักเตะผิดหวังกับฟอร์มการเล่นของตัวเอง โค้ชและเพื่อนร่วมทีมก็จะบอกว่ากับนักเตะคนนั้นว่าเขาเชื่อว่าคุณสามารถทำได้ ซึ่งความไว้วางใจนั้นส่งผลสำคัญมากต่อการทำงานเป็นทีมเวิร์ค และช่วยให้อิตาลีประสบความสำเร็จ

ไม่เพียงแค่กีฬา ความไว้ใจนั้นเป็นส่วนสำคัญมากในการทำงานเช่นเดียวกัน สิ่งนี้สร้างได้ยากมาก แต่หากคุณทำได้ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีม ไม่ว่าจะเจอความท้าทายอะไรก็จะสามารถฝ่าฝันไปได้สำเร็จ การสร้างความไว้วางใจในทีมจึงเป็นงานที่ท้าทายมากๆ สำหรับใครก็ตามที่รับหน้าที่เป็นผู้นำ เพราะมันไม่มีสูตรสำเร็จและต้องใช้เวลาในการค่อยๆ สร้างมันขึ้นมาก

  1. Flexibility

ในทัวร์นาเมนต์นี้อิตาลีเป็นอีกหนึ่งทีมที่เล่นด้วยความยืดหยุ่น แผนการเล่นแต่ละนัดมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ ทั้งสถานการณ์ของทีมเอง เช่น อาการบาดเจ็บและฟอร์มของนักเตะ รวมไปถึงสถานการณ์ของคู่แข่ง ในอดีตอิตาลีเป็นเจ้าพ่อเกมรับ หากใครติดตามฟุตบอลจะทราบดีว่าอิตาลีชอบเล่นแบบ catenaccio หรือที่ไทยมักเรียกว่าตีหัวเข้าบ้าน คือเมื่อยิงขึ้นนำแล้วก็จะอุดอย่างเดียว เน้นตั้งรับเพื่อรักษาสกอร์ แต่อิตาลีในยุคของมันชินี่ไม่เป็นแบบนั้น เขาเพิ่มความยืดหยุ่นให้ทีมด้วยรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย เราจะเห็นทั้งอิตาลีที่บุกใส่ไม่ยั้ง อิตาลีที่ตั้งรับรอสวนกลับ อิตาลีที่วิ่งไล่เพรสซิ่งบอล ซึ่งอิตาลีได้แสดงให้เห็นแล้วในทัวร์นาเมนต์นี้

การทำงานยุคนี้ก็ไม่ต่างจากศึกฟุตบอลยูโรที่ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงระหว่างเกมที่คาดไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา ในการทำงานเราจึงจำเป็นต้องมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ขณะเดียวกันก็พัฒนาทักษะและแสวงความรู้ให้เป็นคนที่รู้กว้างมากขึ้น ให้เราเป็นเหมือนนักเตะสารพัดประโยชน์ที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

  1. Ability to work under pressure

สิ่งที่ทำให้อิตาลีเฉือนชนะคู่แข่งมาได้หลายครั้งคือความสามารถในการจัดการกับอารมณ์และการรับมือกับความกดดัน ซึ่งจะเห็นได้ชัดมากในนัดชิงชนะเลิศกับอังกฤษที่อิตาลีต้องเล่นในสนามเวมบลีย์ที่มีแฟนบอลในสนามเกินกว่า 90% เป็นแฟนบอลของทีมเจ้าภาพ ต้องรับมือกับการโดนยิงนำตั้งแต่ 2 นาทีแรก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตะจุดโทษที่วัดกันว่าใครจะนิ่งและรับมือกับความกดดันได้มากกว่ากัน อิตาลีที่แม้ยิงไม่เข้าถึง 2 ประตู ก็ยังเป็นฝ่ายที่รับมือกับความกดดันได้ดีกว่าและดวลจุดโทษชนะได้สำเร็จ ยิ่งงานยากก็ยิ่งท้าทาย ยิ่งท้าทายก็ยิ่งกดดัน จึงไม่แน่แปลกใจว่าทำไมเราจึงมักเห็นคำว่า Ability to work under pressure อยู่ในประกาศรับสมัครงานอยู่บ่อยๆ ในฐานะคนทำงานเราจึงต้องพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พัฒนาความสามารถและจิตใจให้แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับความกดดันและงานที่ท้าทาย ในส่วนของผู้นำเองก็ต้องหันมาโฟกัสในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดในการทำงานของทุกคน เหมือนอย่างที่มันชินี่มักให้ความสำคัญกับการเล่นฟุตบอลให้สนุกและคอยปลุกเร้าทีมอยู่ตลอดเวลา