การบริหารจัดการพนักงานช่วงฟุตบอลโลก 2014

มิถุนายน 06, 2557 ความรู้เชิงลึกด้านทรัพยากรบุคคล
การบริหารจัดการพนักงานช่วงฟุตบอลโลก 2014

บทนำ

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 หรือฟีฟ่าเวิลด์คัพ2014  คือหนึ่งในการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก กำลังจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน และต่อเนื่องไปตลอดทั้งเดือนจนถึงการแข่งขันนัดสุดท้ายในวันที่ 13 กรกฏาคม 2014 ในปี2006 มีผู้ชมการแข่งขันนัดสุดท้ายราว 715.1 ล้านคน  และปี2010 ก็มีการถ่ายทอดออกอากาศใน204ประเทศผ่าน 245 ช่อง ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะได้เห็นประชากรวัยทำงานส่วนใหญ่ตั้งตารอดูศึกฟุตบอลโลกในช่วงตลอด 1 เดือนเต็มที่กำลังจะมาถึง และผู้คนจำนวนมากทั่วโลกคอยส่งเสียงเชียร์ทีมโปรดของพวกเขา

แล้วคุณจะทำอย่างไรถ้าธุรกิจของคุณอยู่ในทวีปเอเชีย ซึ่งมีความต่างเรื่องของเวลา ทำให้การแข่งขันนัดสำคัญมักเป็นในช่วงเช้าตรู่ ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจน คือพนักงานส่วนใหญ่นั่งตาปรือ  ทำงานด้วยด้วยความง่วงงุนงง สติเลือนลอย ดื่มกาแฟแก้ง่วงแก้วแล้ว  แก้วเล่าและคิดอยากโทรลาป่วยในช่วงเช้าวันนั้น หากบริษัทไม่มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม พนักงานหลายคนในบริษัทก็น่าจะได้รับผลกระทบจากกระแส 'ฟุตบอล  ฟีเวอร์ ' ครั้งนี้แน่

ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2006 แฟนบอลในสหราชอาณาจักร 2 รายถูกทำโทษทางวินัยเมื่อนายจ้างของพวกเขาพบว่าพวกเขานั่งดูการแข่งขันของทีมชาติอังกฤษอยู่ในผับขณะที่พวกเขาขอ    ลาป่วยจากหน้าที่ซูเปอร์ไวเซอร์ที่บริษัทผลิตสินค้าแห่งหนึ่ง และเมื่อเร็วๆนี้เองมีคนเห็นนายเอ็ด มิลลิแบนด์ (Ed Milliband) ผู้นำพรรคแรงงานของอังกฤษ นั่งชมการแข่งขันฟุตบอลนัดหนึ่งเมื่อปีที่แล้วเพียงแค่ 2 ชั่วโมงหลังจากที่เขายกเลิกการกล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญงานหนึ่งโดยอ้างว่า 'ป่วย' 

สิ่งแรกที่บริษัทส่วนใหญ่ทำคือ คิดหาวิธีที่จะไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น แต่นี่คือความคิดที่หลงประเด็นสำคัญไป การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 จัดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าบริษัทของคุณจะกำหนดนโยบายอย่างไร ดังนั้นหากแผนกทรัพยากรบุคคลและผู้บริหารตระหนักถึงปัญหานี้ได้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งหาทางแก้ไขได้เร็วขึ้นเท่านั้น 

ที่จริงแล้วฤดูการแข่งขันฟุตบอลโลกถือเป็นโอกาสทองของบริษัทที่จะนำมาช่วยเพิ่มความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร รวมทั้งยังช่วยกระชับสายสัมพันธ์กับพนักงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และช่วยสร้างความจงรักภักดีต่อกับองค์กรให้มากขึ้นไปด้วย

ทำไมความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ไม่นานมานี้องค์กรต่างๆได้ตระหนักกันว่าการที่จะทำให้ธุรกิจคงความได้เปรียบในการแข่งขัน การมุ่งเน้นในเรื่องความพึงพอใจของพนักงานต่อสถานที่ทำงานไม่น่าจะเพียงพอ การสร้างความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน สิ่งเหล่านี้แตกต่างจากความพึงพอใจในตัวงาน (job satisfaction) ซึ่งรวมถึงทัศนคติของพนักงานที่มีต่ออัตราค่าจ้างผลตอบแทน สวัสดิการ สภาพแวดล้อมในการทำงาน การพัฒนาเติบโตในหน้าที่การงาน และความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร

ความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเป็นเรื่องของความรู้สึกรับผิดชอบและอะไรก็ตามที่มีผลต่องานของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นใครและปัจจัยอะไรที่กระตุ้นให้พวกเขาทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น ผลการศึกษาจากหลายแห่งได้เชื่อมโยงความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรกับปัจจัยต่างๆ เช่น ผลการปฏิบัติงานของพนักงาน ความพึงพอใจของลูกค้า ความสามารถในการทำงาน การขาดงาน จำนวนการเข้าออกของพนักงาน และการให้การสนับสนุนขององค์กร

ผลการศึกษาล่าสุดของบริษัทเฮย์กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารองค์กรระดับโลก เผยถึงแนวโน้มสำคัญ 6 ประการที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของธุรกิจและองค์ประกอบขององค์กร [1]  หนึ่งในแนวโน้มเหล่านี้คือ "ความเป็นปัจเจกบุคคล (individualization)" ซึ่งหมายถึงความมีอิสระในการทำงานที่เพิ่มขึ้นอย่างที่พนักงานแต่ละคนคาดหวังไว้ว่าจะได้รับจากบริษัท แนวโน้มนี้ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อองค์กรและมีผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน ร่วมกับองค์ประกอบอื่นๆ อย่างเช่น การให้ความสำคัญกับพนักงาน และการมีสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตกับการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งจูงใจแบบดั้งเดิมอย่างเช่น ค่าตอบแทน และการเลื่อนตำแหน่ง

ผลที่ได้สอดคล้องกับผลสำรวจปี 2012 ของสมาคมบริหารทรัพยากรบุคคล (Society for Human Resource Management) ที่ระบุว่า 87% ของพนักงานคิดว่าความยืดหยุ่นในการทำงานว่าสำคัญอย่างยิ่งหรือสำคัญมากในการหางานใหม่

นายเคน มาโตส (Ken Matos) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการศึกษาเรื่องการจ้างงาน จากสถาบันครอบครัวและการทำงาน กล่าวว่า "ถ้างานไม่มีความยืดหยุ่น พนักงานจะรู้สึกเสมือนว่ากำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากที่มีผลกระทบต่อการประเมินผลเรื่องความมั่นคงในการทำงานและผลตอบแทนของพวกเขา การขาดความยืดหยุ่นในเรื่องเวลาออกไปรับลูกจากโรงเรียนทำให้รายได้สุทธิของพนักงานลดลงเพราะต้องไปจ่ายเงินให้กับศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่มีราคาแพง  ในทำนองเดียวกันพนักงานที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บที่ไม่กล้าลางานเพื่อพักฟื้นเพราะเกรงว่าจะมีผลให้ตกงาน ก็มีแนวโน้มที่จะรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในการทำงาน สำหรับพนักงานที่ตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวหรือคล้ายคลึงกันจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างความยืดหยุ่น ความมั่นคงในการทำงาน และผลตอบแทนเลย เพราะสภาพการทำงานที่ไม่มีความยืดหยุ่นจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเป็นสิ่งที่คุกคามต่อการทำงานของพวกเขา" [2]

ข้อเท็จจริงคือความยืดหยุ่นในการทำงานเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อความสุขและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการออกไปรับลูกจากโรงเรียน หรือการลาป่วยเพื่อพักฟื้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนอกเวลางาน และความยืดหยุ่นที่องค์กรสามารถนำมาคำนึงถึงได้ หากพนักงานทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เสร็จเรียบร้อย แต่ไม่ใช่ในช่วงเวลา 9 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นล่ะ เรื่องนี้จะสำคัญมากน้อยแค่ไหน

บางบริษัทเปิดโอกาสอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความผูกพันให้กับพนกังานในองค์กร ด้วยการแสดงให้เห็นว่าการสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตกับการทำงานไม่ใช่เพียงแค่แนวความคิดที่เป็นนามธรรม สำหรับกลุ่มบริษัทอาดิดาส แบรนด์ดังผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาและสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ให้อิสระกับพนักงานของพวกเขาในการเลือกวิธีที่ดีที่สุดในการทำงานให้ก้าวหน้า

"ในฐานะที่เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬา พวกเราได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่จากการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึงพนักงานของเราทุกคนทั่วโลกตื่นเต้นกับการแข่งขันนี้มาก และจดวันแข่งขันส่วนใหญ่หรือทั้งหมดลงในปฏิทินกันแล้ว" โฆษกจากอาดิดาสกล่าว "ไม่ว่าพนักงานของเราจะอยู่ที่ใดในโลก เรามีระบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่น และพวกเขาก็สามารถสนุกกับการชมการแข่งขันได้ทุกคน"

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธุรกิจก็ยังคงดำเนินต่อไป

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอคือไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่วุ่นวายแค่ไหน ความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่ ประการแรกคือการสื่อสารเรื่องนโยบายต่างๆ ของบริษัทและสิ่งทีพนักงานสามารถทำได้และทำไม่ได้เป็นส่งที่จำเป็นและต้องกำหนดชัดเจน หากบริษัทจะออกนโยบายยืดหยุ่นเวลาทำงานในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว ก็จำเป็นต้องมีการกำหนดกรอบระเบียบและขั้นตอนที่ระบุไว้อย่างชัดเจน

เรื่องนี้นำไปสู่ประเด็นเรื่องความรับผิดชอบ พนักงานที่เข้าใจขอบเขตและความคาดหวังของบริษัทจะมีการเตรียมพร้อมที่ดีในช่วงที่ไม่อยู่ในที่ทำงาน เช่น แจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าว่าช่วงเวลาไหนที่สามารถติดต่อได้ มีการพูดคุยกำหนดผู้ที่สามารถรับผิดชอบงานแทนในช่วงที่ไม่อยู่ และอื่นๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักถึงคือพนักงานจะทำตามตัวอย่างที่หัวหน้าของพวกเขาปฏิบัติ หากหัวหน้างานสามารถทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมายในขณะที่ใช้เวลาไปชมการแข่งขันด้วย ก็จะไม่มีเหตุผลอะไรมาอ้างได้ว่าทำไมพนักงานถึงทำไม่ได้ตามนี้ ในทำนองเดียวกัน ถ้าคุณต้องการให้พนักงานของคุณแจ้งลูกค้าถึงเวลาที่สามารถติดตามตัวได้ คุณก็ควรทำในสิ่งเดียวกันด้วย

มีอีกหลายวิธีที่สามารถนำมาพิจารณาเพื่อช่วยให้พนักงานได้สนุกกับฤดูการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท หากองค์กรมีการวางแผนและกำหนดนโยบายไว้อย่างดีแล้ว ความสับสนวุ่นวายในองค์กรก็น่าจะลดลงได้อย่างแน่นอน

"วิธีการง่ายที่สุดวิธีหนึ่งคือการอนุญาตให้พนักงานใช้วันลาหยุดประจำปีในช่วงเวลานี้ได้" เคซี่ย์ โฮ วิทยากรเรื่องความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรของสถาบันเพื่อการเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่ที่ MDIS ให้คำแนะนำ" ใช้นโยบาย ‘ใครส่งใบลาก่อน ก็ลาได้ก่อน’ จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมจำนวนพนักงานที่น้อยที่สุดในการดำเนินงานไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้เวลาในการชมการแข่งขันหรือร่วมฉลองชัยได้" 

นอกจากนี้ เขายังแนะนำให้ปรับเอานโยบายยืดหยุ่นเวลาในการทำงานในสำนักงานมาใช้ "บริษัทควรอลุ้มอล่วยเรื่องเวลาการทำงานของพนักงาน ตัวอย่างเช่น หากวันไหนมีการแข่งขันตอนตีสอง ก็ปรับเวลาการทำงานของพนักงานให้สามารถมาทำงานตอนบ่ายโมง และทำงานจนถึงสามทุ่มได้ เป็นต้น"

กลุ่มบริษัทอาดิดาส ในฐานะที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขันฟุตบอลโลก นำนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้มาใช้ล่วงหน้าไปแล้ว "เราเสนอให้มีการยืดหยุ่นเวลาการทำงาน เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานของเราสามารถรักษาสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตที่เขาต้องการได้อย่างมีความสุข ซึ่งในความเป็นจริงหมายความว่า พนักงานของเราสามารถควบคุมเวลาของพวกเขาได้เด็ม 100%" โฆษกของกลุ่มบริษัทอาดิดาสกล่าว "ที่สำนักงานใหญ่ในประเทศเยอรมันที่เมือง Herzogenerauch แหล่งรวมอุปกรณ์กีฬาขนาดใหญ่ของโลก เรามีการวางแผนจัดงานฟุตบอลโลกขนาดใหญ่ร่วมกับพนักงานในเยอรมันทั้งหมด และมีแผนที่จะจัดงานในลักษณะเดียวกันนี้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองการแข่งขันฟุตบอลโลกด้วย"

บริษัทต่างๆ สามารถนำเอารุปแบบในการจัดการมาใช้ให้เหมาะสมได้ บริษัทขนาดเล็กอาจใช้วิธีพูดคุยตกลงกัน ในขณะที่บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่อาจใช้วิธีอีเมลประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอว่าจะต้องมีการสื่อสารเรื่องระเบียบแบบแผนกันอย่างชัดเจน เพื่อให้พนักงานรับทราบถึงวิธีการและสิ่งที่บริษัทคาดหวังจากพนักงาน

นอกเหนือไปจากการบริหารจัดการเรื่องวันเวลาการทำงาน และประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว การแข่งขันฟุตบอลโลกทำให้บริษัทได้เสริมสร้างความสนิทสนมให้กับพนักงานอีกด้วย หากมีการแข่งขันในช่วงหัวค่ำ บริษัทก็ควรถือเป็นโอกาสอันดีในการจัดปาร์ตี้ให้พนักงานได้ร่วมชมการแข่งขันร่วมกัน ฝ่ายบริหารสามารถจัดจัดปาร์ตี้ 'Football Night Out' ที่มีอาหารและเครื่องดื่มด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันนอกเวลาทำงาน

อีกวิธีที่นายจ้างสามารถใช้ประโยชน์จากการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ก็คือ เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันในหมู่พนักงาน ร่วมทายผลการแข่งขันว่าทีมไหนจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ ผู้บริหารอาจจัดให้พนักงานร่วมโหวตคะแนนให้กับทีมโปรดของพวกเขา ของรางวัลที่มอบให้ผู้ชนะก็อาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่บัตรกำนัลไปจนถึงวันลาหยุดเพิ่มเติม เป็นต้น

ไม่ว่าจะเป็นการจัดปาร์ตี้ชมการแข่งขันด้วยกันหรือเป็นการแข่งขันกันภายใน จุดประสงค์หลักของกิจกรรมเหล่านี้คือการสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานกับองค์กรด้วยการทำให้พวกเขาทราบว่าบริษัทใส่ใจเรื่องสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตของพวกเขา ถ้าพวกเขารู้สึกว่าบริษัทไม่ได้สนใจแต่เรื่องตัวเลขผลกำไรขาดทุน พวกเขาก็จะมึความรู้สึกผูกพันและมีความรู้สึกดีๆให้กับบริษัทมากขึ้น ก่อให้เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร มีความกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น และมีแรงจูงใจที่จะสร้างความสำเร็จเพิ่มมากขึ้น

การวางแผนการบริหารจัดการล่วงหน้าอย่างสุขุมรอบคอบจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงฤดูกาลฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง ในขณะเดียวกันพนักงานของคุณก็สามารถสนุกเพลิดเพลินไปกับหนึ่งในมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกไปด้วย

[1]  Leadership 2030 

[2]  2012 Employee Job Satisfaction and Engagement

ดาวน์โหลดฉบับเต็ม

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อเด็คโก้ประเทศไทย เป็นผู้นำ และ เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำ เกี่ยวกับงานทรัพยากรบุคคล ไม่ว่าจะเป็นด้านการสรรหาพนักงานและการจัดจ้างพนักงานประจำและชั่วคราว การให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล การฝึกอบรม การพัฒนาบุคคลากร และบริการให้คำปรึกษาด้านสายอาชีพ

ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปีในประเทศไทย บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาระบบเครือข่าย และ ความเชี่ยวชาญชำนาญด้านงานบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบไปด้วย 10 กลุ่มธุรกิจ โดยมีบุคลากรของบริษัทฯ กว่า 10,000 คน ปฏิบัติหน้าที่ในบริษัทต่างๆในแต่ละวัน ภายใต้ระบบโครงสร้างภายในอันแข็งแรงด้วยการปฏิบัติงานของพนักงานกว่า 200 คน

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.adecco.co.th