งานในปีที่ผ่านมาสำหรับคุณเป็นอย่างไรบ้าง? เป็นเหมือนถนนทางตรงที่ราบรื่น หรือเป็นเหมือนรถไฟเหาะที่ตื่นเต้น มีทั้งช่วงที่ง่ายและยากปนกันไป ไม่ว่าเส้นทางการทำงานของคุณจะเป็นอย่างไร เชื่อได้เลยว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณน่าจะได้พบเจอและเรียนรู้อะไรมากมาย ซึ่งอาจทำให้คุณมีมุมมองต่อการทำงานเปลี่ยนไปบ้างโดยที่คุณอาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อทบทวนตัวเองก่อนเริ่มทำงานต่อไป มาลองดูตัวอย่างคำถามที่จะช่วยให้คุณทำความเข้าใจตัวเองให้มากขึ้น ว่าจริง ๆ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับการทำงาน และเป้าหมายที่แท้จริงของคุณในปี 2566 นี้คืออะไร
1.เงินเดือนสำคัญกับคุณขนาดไหน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินเป็นเรื่องสำคัญเพราะคนเราต้องมีเงินเพื่อให้มีชีวิตรอด แต่หากเปรียบเทียบเรื่องเงินกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน work-life balance หรือการทำงานที่มีความยืดหยุ่น คุณมองว่าการได้เงินเดือนที่น่าพอใจสำคัญกว่าเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ถ้ามองว่าเงินเดือนสำคัญที่สุด คุณพอใจกับเงินเดือนที่ได้ในปัจจุบันแค่ไหน หรือถ้าไม่ใช่ มีปัจจัยอื่นที่สำคัญกว่า แล้วปัจจัยอะไรคือที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ ลองตอบตัวเองให้ได้ เพื่อให้คุณจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่คุณให้คุณค่า และพิจารณาว่างานที่คุณทำอยู่ ตอบโจทย์คุณค่าที่คุณมีหรือไม่
2.คุณรู้สึกว่างานในปัจจุบันช่วยเติมเต็มชีวิตได้ไหม
ลองจินตนาการว่าถ้าวันหนึ่งคุณไม่ได้ทำงานนี้แล้ว คุณจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไปหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็น่าจะแปลว่างานที่คุณกำลังทำอยู่มีส่วนช่วยเติมเต็มบางอย่างในชีวิต ซึ่งแต่ละคนก็จะมีปัจจัยที่ทำให้รู้สึกเติมเต็มแตกต่างกันออกไป เช่น บางคนรู้สึกดีเมื่องานที่ทำก่อให้เกิดประโยชน์กับคนอื่น บางคนรู้สึกดีเมื่อได้ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ หรือบางคนแค่ได้อยู่ในสังคมการทำงานที่ดีก็รู้สึกชีวิตได้รับการเติมเต็มแล้ว ดังนั้นลองนั่งพิจารณาดูว่างานที่คุณทำมีความสำคัญกับคุณอย่างไร แล้วคุณพอใจกับมันแค่ไหน หรืออยากได้งานที่แตกต่างไปเป็นอย่างไร
3.การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากการทำงานสำคัญกับคุณขนาดไหน
สำหรับบางคนการได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากการทำงานอาจจะสำคัญยิ่งกว่าการได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้เงินเดือนเพิ่ม แต่แน่นอนว่าหากได้ทำงานที่พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด โอกาสก้าวหน้าในอาชีพก็จะตามมาเอง แล้วสำหรับคุณการได้พัฒนาตัวเองจากการทำงานสำคัญแค่ไหน งานในปัจจุบันได้ช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง คุณมีทักษะที่อยากพัฒนาหรือเปล่าและตอนนี้ทักษะเหล่านั้นพัฒนาขึ้นมากแค่ไหน ทีมและบริษัทของคุณได้มีส่วนสนับสนุนให้คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มากแค่ไหน เช่น คุณได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ท้าทายความสามารถบ้างหรือเปล่า ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู
4.คุณชอบทำงานที่ไหน และอยากทำงานที่นั่นกี่ครั้งต่อสัปดาห์
คุณชอบรูปแบบการทำงานแบบไหนมากกว่าระหว่างแบบเดิมที่ทุกคนเข้าออฟฟิศมาเจอหน้ากันเป็นประจำ สนิทสนมกับเพื่อนร่วมงาน ได้เฮฮาปาร์ตี้ด้วยกัน หรือแบบ remote ที่คุณอาจมีสุขภาพจิตดีขึ้น แบ่งเวลาได้มากขึ้น ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น จากการไม่ต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับที่ทำงาน ลองถามตัวเองว่าถ้าเลือกได้คุณอยากทำงานแบบไหน ความเข้าใจว่าไลฟ์สไตล์หรือรูปแบบการทำงานที่ตัวเองชอบเป็นอย่างไร จะช่วยทำให้คุณมองเห็นภาพและเลือกองค์กรที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย
5.คุณรู้สึกอย่างไรกับการทำงานหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น
ผลสำรวจพบว่าคนจำนวนมากทั่วโลกโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มีแนวคิดแบบ Quiet Quitting หรือ ‘การลาออกจากการทำงานหนัก’ โดยเชื่อว่าการทำงานหนักเกินไปอาจกระทบต่อการจัดสรรเวลาในชีวิต และไปเร่งให้เกิดความรู้สึก burn out ฉะนั้นการมี work-life balance น่าจะดีกว่า ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งมองว่า การทำงานหนักคือการเรียนรู้ ฝึกฝน เพื่อให้มีทักษะและประสบการณ์มากขึ้น และช่วยให้เกิดความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่อย่างรวดเร็วได้ ลองถามตัวเองว่าคุณเป็นคนที่มีทัศนคติแบบไหน เพราะการได้อยู่ในองค์กรที่ให้คุณค่าตรงกันกับคุณ น่าจะช่วยให้การทำงานมีความสุขและเห็นผลสำเร็จได้มากขึ้น
หากคุณสามารถตอบคำถามเหล่านี้ว่าตัวเองมีความรู้สึกและวิธีคิดต่อการทำงานอย่างไร ก็น่าจะช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางการทำงานในปีนี้และอนาคตข้างหน้าชัดเจนมากขึ้น และมีความสุขในการทำงานที่มากขึ้นอีกด้วย ฉะนั้นมาทบทวนตัวเองไปด้วยกันนะครับ
