สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราเองที่ต้องเดินทางไปทำงานตลอดเวลา ไวรัสโคโรนาก็สร้างความกังวลใจให้เราไม่ใช่น้อย อเด็คโก้จึงได้รวบรวมแนวทางและวิธีป้องกันไวรัสโคโรนาฉบับพนักงานออฟฟิศมาฝากกันค่ะ
ป้องกันตัวอย่างไรให้ปลอดภัยจากไวรัสโคโรนา
1. ใส่หน้ากากอนามัย
ข้อมูลล่าสุดจากทางการแพทย์ระบุว่าไวรัสโคโรนาจะสามารถติดต่อกันจากการสัมผัสโดนละอองหรือสารคัดหลั่ง เช่น จากการไอ จาม หรือ สัมผัสโดนเสมหะ น้ำลาย น้ำตา การใส่หน้ากากอนามัยจึงเป็นการป้องกันละอองต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็เป็นการป้องกันมือเราที่อาจจะไปเผลอจับเชื้อโรคมา แล้วมาสัมผัสที่ตา จมูก ปากของตัวเอง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคการใส่หน้ากากควรเลือกหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน และใส่ให้แนบสนิทกับใบหน้า โดยจะต้องให้ด้านที่เป็นสีอยู่ด้านนอก ให้บริเวณโครงลวดอยู่ด้านบนสันจมูก เพื่อปรับรูปหน้ากากให้เข้ากับใบหน้า และด้านล่างก็ควรคลุมไปถึงคางให้มิดชิด
2. ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
การรักษาความสะอาดของมือถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะในแต่ละวันเราใช้มือสัมผัสสิ่งของร่วมกับคนอื่นจำนวนมาก เช่น ปุ่มกดลิฟต์ ราวบันได ลูกบิดประตูห้องน้ำ ประตูและราวจับบนรถสาธารณะ ปุ่มกด ATM เราจึงควรหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแฮลกอฮอล์อยู่เสมอ พกเจลติดตัวเมื่อเดินทางไปข้างนอก เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคที่อาจติดมือมาและเข้าสู่ร่างกายเราผ่านการขยี้ตา การล้วง แคะ แกะ เกาต่าง ๆ หรือสัมผัสบริเวณแผล
3. รักษาความสะอาดของ เมาส์ คีย์บอร์ด และมือถือ
ในระหว่างทำงานสิ่งที่มือเราต้องสัมผัสบ่อยที่สุดคงหนีไม่พ้น เมาส์ คีย์บอร์ด และโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นเราจึงควรดูแลเรื่องความสะอาดของอุปกรณ์พวกนี้ไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค โดยใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาทำความสะอาดเช็ดเป็นประจำ
4. จามหรือไอต้องปิดปาก
หากจะจามหรือไอให้จามใส่ทิชชู่แล้วนำทิชชู่ไปทิ้งทันที หลังจากนั้นล้างมือให้สะอาด หากไม่มีทิชชู่ให้ยกแขนขึ้นบังแล้วจามใส่บริเวณต้นแขนด้านในหรือข้อพับ แล้วจึงล้างมือล้างแขนให้สะอาด
5. ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์และปรุงสุก
6. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่คนพลุกพล่าน
ไวรัสโคโรน่า สามารถติดต่อได้ผ่าน “คนสู่คน” เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ เราจึงควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่คนพลุกพล่าน สถานที่ที่แออัด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด หากจำเป็นต้องไปในสถานที่เสี่ยงควรใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
7. เมื่อมีอาการป่วย ให้ไปพบแพทย์
หากมีอาการมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้ไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ
อ้างอิง: WHO, Daily Mail UK, TNN Thailand