การเขียน cover letter หรือจดหมายแนะนำตัว เป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการถกเถียงกันอยู่ตลอดในแวดวงของคนทำงานว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่ มีการตั้งคำถามว่าเมื่อการสมัครงานออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ทำให้มีจำนวนผู้สมัครต่อหนึ่งตำแหน่งจำนวนมาก แล้ว HR ยังมีเวลาอ่าน cover letter ของเราอยู่หรือเปล่า ?
Cover letter เริ่มเป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่ยุค 1950 ที่คนสมัครงานผ่านการส่งจดหมายเป็นหลัก การมีเรียงความแนะนำตัวจึงเป็นที่ต้องแนบไปด้วยเพื่อแสดงมารยาทที่ดี ส่วนในปัจจุบัน ประโยชน์ของ cover letter จะเน้นไปที่การช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเรา และเพิ่มโอกาสแสดงความโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่น (ถ้าเขียนได้ดี)
อย่างไรก็ตาม การใช้เวลาหลายชั่วโมงในการปรับ cover letter ให้เหมาะสมกับการสมัครงานแต่ละครั้ง ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลายคนรู้สึกเหนื่อยกับการสมัครงานแม้ว่าจะเพิ่งเริ่มหางานได้ไม่นาน นอกจากนี้ หากมีการสะกดผิดหรือเนื้อหาที่เขียนไม่ได้ต่างจากในเรซูเม่ การแนบ cover letter ก็อาจไม่ได้ส่งผลดีกับเรานัก
จากข้อดีข้อเสียที่กล่าวมาทำให้หลายคนเริ่มชั่งใจในการทุ่มเทเวลาให้กับ cover letter เพราะถึงแม้จะเขียนดีแต่ถ้าไม่ถูกอ่านก็คงไม่มีประโยชน์
มีสถิติโดย Glassdoor ที่สำรวจความคิดเห็นของ HR นายจ้าง และคนทำงาน จำนวน 13,000 คนในปี 2022 ที่พบว่า ปัจจุบัน cover letter อาจเป็นสิ่งที่ ‘มีก็ดี’ แต่ไม่ถึงกับจำเป็นต้องมี โดยพบว่า คนมากกว่าครึ่ง (58%) มองว่า cover letter ไม่จำเป็นในการสมัครงาน และ HR บางส่วนมักจะข้ามไปอ่านเรซูเม่เลยเพราะรู้สึกว่า เรซูเม่มีข้อมูลที่ต้องการเพียงพอแล้ว และจะกลับมาอ่าน cover letter เฉพาะในบางกรณีเท่านั้น
กรณีที่เราควรเขียน cover letter จึงมีดังนี้
1.บริษัทเป็นคนระบุเองว่าจำเป็นต้องมี cover letter
2.เรามีข้อมูลในเรซูเม่ที่อาจทำให้ HR หรือ hiring manager เกิดความสงสัย เช่น มีช่องว่างระหว่างงาน มีการเปลี่ยนสายงาน หรือเปลี่ยนอุตสาหกรรม เราจึงควรมี cover letter เพื่ออธิบายเหตุผลเพิ่มเติมและบอก transferable skill ของเรา
3.เราโดน refer จากคนในบริษัทให้สมัครงานนี้
4.เราเคยมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท เช่น เป็นเด็กฝึกงาน หรือเป็นพาร์ทเนอร์
5.เราสมัครงานในบริษัทเล็ก ซึ่ง HR และนายจ้างน่าจะมีเวลาสกรีนผู้สมัครมากกว่าบริษัทใหญ่
6.(ข้อสำคัญ) เมื่องานนั้นเป็นงานในฝันของเรา
หากเป็นกรณีนอกเหนือจากนี้ โดยเฉพาะถ้าสมัครงานผ่านเว็บไซต์หางานตัวกลางซึ่งเราไม่ต้องส่งอีเมลหาบริษัทโดยตรง เราอาจพิจารณาเว้นการเขียน cover letter ไปได้ เพื่อให้ตัวเองยังเหลือเวลาและพลังงานสำหรับหางานต่อไป
คำแนะนำเหล่านี้อาจไม่สามารถเรียกว่าเป็นสูตรสำเร็จ เพราะไม่มีใครรู้ว่า HR และ hiring manager ในบริษัทที่เราสมัครงานด้วยให้ความสำคัญกับ cover letter มากน้อยขนาดไหน หัวใจสำคัญยังคงเป็นการลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย หรือดูว่าเรายังมีเรื่องที่อยากเล่านอกเหนือจากในเรซูเม่หรือเปล่า
อ้างอิง: https://www.glassdoor.com/.../what-recruiters-think.../
https://www.linkedin.com/.../cover-letters-do-you-still.../
https://www.cnbc.com/.../ex-disney-recruiter-would-advise...
https://www.forbes.com/.../do-we-really-need-to-write.../...