สรุปเทคนิคสมัครงานเด็กจบใหม่ จากงาน Experience Work Day

ตุลาคม 16, 2562 กิจกรรมอเด็คโก้

จะทำอย่างไรให้จบมาแล้วมีงานทำ?  ทุกวันนี้เด็กจบใหม่นับแสนคนหลังจากเรียนจบต้องเจอกับปัญหาการว่างงาน หลายคนจบมาแล้วเคว้ง ไม่รู้จะทำงานอะไร หลายคนแม้จะมีอาชีพในใจแต่สมัครงานไปหลายที่ก็ยังไม่ได้งานสักที ต้องรอคอยอย่างไร้จุดหมาย


กิจกรรม Experience Work Day: Next Chapter เปลี่ยนจบใหม่ เป็นได้งาน จึงถูกจัดขึ้นเพื่อช่วยเตรียมพร้อมเด็กรุ่นใหม่ก้าวสู่โลกการทำงานแบบมืออาชีพในรูปแบบ Session Talk & Workshop ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ซักถาม เรียนรู้ และฝึกฝน ไปพร้อมๆ กัน โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้าน HR ของอเด็คโก้แชร์ประสบการณ์และเทคนิคในการสมัครงาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำต่างๆ ตั้งแต่หลักการค้นหาตัวตนเพื่อหาอาชีพที่ใช่สำหรับตัวเอง ทักษะต่างๆ ที่เด็กจบใหม่จำเป็นต้องมี เคล็ดลับการเขียนเรซูเม่ เทคนิค pitching สัมภาษณ์งานให้ได้ไปต่อ ไปจนถึง Workshop ทดลองสัมภาษณ์งานจริง

KEY Highlight: เทคนิคสมัครงานสำหรับเด็กจบใหม่

"อยากได้งานที่ใช่ ต้องเริ่มจากการถามตัวเองก่อน"

การจะหางานที่เหมาะสมกับตัวเองได้นั้น ก่อนอื่นต้องรู้จักตัวเองให้รอบด้านก่อน จะได้สามารถค้นหางานที่เหมาะกับเราได้ เพราะงานแรกมีความสำคัญอย่างมาก หากเริ่มต้นได้ดี ได้ทำอาชีพที่ใช่ โดยอเด็คโก้ได้เสนอเทคนิคการวิเคราะห์ตัวเองเพื่อหางานที่ใช่ผ่าน CAREER FIT Model เพียงน้องๆ ตอบคำถาม 5 ข้อนี้ให้ได้ ก็สามารถนำไปใช้เป็นเช็คลิสต์ตรวจสอบว่างานที่เรากำลังสนใจอยู่นั้นตอบโจทย์ความต้องการของเรามากน้อยเพียงใด





ค้นหาอาชีพที่ใช่ผ่าน
CAREER FIT Model

Person - Know your Purpose
  • ตั้งคำถามว่าตัวเองมีจุดมุ่งหมายอะไร เรามีค่านิยมหรือความสนใจด้านใดเป็นพิเศษ อะไรคือสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกสนุกหรือมีความสุขไปกับมัน เพราะอาชีพที่ดีไม่ได้วัดกันที่เงินเดือนเท่านั้น แต่คืออาชีพที่เติมเต็มความหมายและความสุขให้กับชีวิตด้วย

Personality - Know your Style

  • สไตล์ที่เราต้องวิเคราะห์มีอยู่สองส่วนคือ ไลฟ์สไตล์ และ สไตล์การทำงาน เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้วก็ลองมองดูว่างานหรืออาชีพนั้นเหมาะกับสไตล์ของตัวเราไหม หรือมีส่วนไหนที่เราพอปรับตัวให้เข้ากับบริษัทได้บ้าง 

Performance - Know your Strengths & Weaknesses

  • สำรวจตัวเองว่ามีความสามารถด้านใดบ้าง จุดอ่อนและจุดแข็งของเราคืออะไร เรามีทักษะด้านใดบ้าง ทั้งทักษะทางวิชาชีพและทักษะทางสังคม มักมีคนชมหรือติเราเรื่องอะไรบ่อยๆ บ้าง เมื่อได้คำตอบแล้วก็นำมาเทียบว่าความสามารถที่มีตรงกับที่บริษัทกำหนดในตำแหน่งงานนั้นมากน้อยแค่ไหน และมีสิ่งใดที่เราควรพัฒนาเพิ่มเติมบ้าง

Place - Know your Preferred Environment

  • ลองจินตนาการดูว่าเราอยากทำงานในสภาพแวดล้อมแบบไหน อยากทำงานออฟฟิศแบบไหน หรือไม่อยากทำงานออฟฟิศเลย อยากมีหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานแบบใด พอลิสต์ออกมาเสร็จเราจะเห็นเป็นภาพกว้างๆ ของวัฒนธรรมองค์กรที่เหมาะกับตัวเรา 

Plan - Know your Future

  • สุดท้ายให้ลองคิดในภาพใหญ่ว่าเป้าหมายในชีวิตและเป้าหมายในอาชีพ ของเราคืออะไร แล้วนำมาวางแผน แตกเป็นเป้าหมายย่อยๆ และหาวิธีทางเพื่อพิชิตเป้าหมายนั้น



"สร้างจุดขายให้ตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงาน"

ในการสมัครงานแต่ละครั้งเราต้องแข่งขันกับผู้สมัครจำนวนมาก การสร้างจุดขายให้ตัวเองจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้เราโดดเด่นและแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้บริษัทอยากจ้างงาน ซึ่งจุดขายนี้เราสามารถนำมาใช้ในการพรีเซนต์ตัวเองทั้งในเรซูเม่หรือการสัมภาษณ์งาน

เทคนิค Pitching สัมภาษณ์งานอย่างไรให้ได้ไปต่อ

สำหรับการสัมภาษณ์งานนั้น การพรีเซนต์ตัวเองเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าบริษัท ผ่านทางการแต่งกาย บุคลิกภาพ การตรงต่อเวลา และมารยาทที่ดี เป็นความประทับใจแรกที่น้องๆ สามารถสร้างขึ้นได้ง่ายๆ ก่อนเข้าสู่การสัมภาษณ์งาน

ส่วนการแนะนำตัวเองควรใช้ทักษะในการเล่าเรื่องและนำเสนอจุดขายของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการแนะนำตัวเองทั่วไป ชื่ออะไร จบอะไรมา หลังจากนั้นจึงโยงเข้าสู่ความสนใจและจุดเด่นของเราว่าเก่งอะไร เคยได้รับรางวัลอะไรมาบ้าง อธิบายเป้าหมายในอาชีพ และที่สำคัญที่สุดคือการตอบให้ได้ว่าทำไมเขาควรจ้างงานเรา เราสามารถสร้างความแตกต่างหรือทำประโยชน์อะไรให้กับองค์กรได้บ้าง และนำเสนอจุดนั้นออกมา


เมื่อเจอคำถามสัมภาษณ์งานต่างๆ ก็ใช้หลักการตอบเดียวกันคือเล่าเรื่องตามความเป็นจริงและหาทางเชื่อมโยงสู่จุดขายของเรา ก็สามารถเปลี่ยนคำตอบธรรมดาให้ดูน่าสนใจขึ้นมาได้ เช่น เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่าฝึกงานอะไรมา แทนที่จะตอบสั้นๆ ว่าฝึกตำแหน่งอะไร ที่บริษัทใด ก็ควรอธิบายเพิ่มเติมว่าได้ทำอะไรบ้าง มีผลงานหรือความสำเร็จอะไรบ้าง ได้เรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในตำแหน่งที่สมัคร เพื่อให้ผู้สัมภาษณ์มีความมั่นใจว่าเราจะสามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้