หากชีวิตการทำงานเปรียบเหมือนการเดินทาง การมี mindset ที่ดีก็คงไม่ต่างจากการมี GPS ที่จะพาเราไปในเส้นทางที่ดีที่สุดจนกว่าจะถึงจุดหมาย เหมือนอย่างที่นักจิตวิทยาชื่อดังด้าน mindset ต่างเชื่อกันว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จไม่ใช่ความฉลาด พรสวรรค์ หรือการศึกษา แต่มาจากการมี mindset ที่ถูกต้อง และเมื่อเรามองลึกลงอีกไปว่าแล้ว mindset แบบไหนที่คนประสบความสำเร็จมักจะมีร่วมกัน คำตอบที่ได้ก็คงหนีไม่พ้น ‘curiosity’ หรือ ‘ความช่างสงสัย’ นั่นเอง
สงสัยไหมว่าความสงสัยทำให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
ปกติแล้วเมื่อเราทำงานในองค์กรใดองค์กรหนึ่งหรืองานใดงานหนึ่งนาน ๆ เรามักจะรู้สึกว่าตัวเองรู้ทุกเรื่องเป็นอย่างดีแล้ว รู้ว่ากรอบการทำงานเป็นอย่างไร เมื่อมีปัญหาควรจะแก้ด้วยวิธีไหน หรือเรียกได้ว่าความคุ้นเคยทำให้ความช่างสงสัยที่เคยมีค่อย ๆ ลดลงไป
ในทางกลับกัน หากเรายังคงความช่างคิดช่างสงสัยเอาไว้ได้ เราอาจเกิดการตั้งคำถามกับงานที่ทำอยู่ เช่น เราไม่ทำงานด้วยวิธีเดิมได้ไหม หรือทำไมงานนี้ถึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ความช่างสงสัยอาจทำให้เรามองเห็นความสนุกในงานเดิม ๆ ที่เคยทำ และหลุดออกจากกรอบวิธีคิดแบบเดิม ๆ ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ในระหว่างที่ทำ และในที่สุดก็อาจเกิดเป็นผลงานในรูปแบบใหม่ที่โดดเด่นกว่าคนอื่น
ปลุกความช่างสงสัยด้วยการปรับวิธีคิดของตัวเอง
เราจะเป็นคนช่างสงสัยได้เก่งขึ้น หากเราเป็นคนที่มี 2 ลักษณะนี้ ได้แก่ ‘ความถ่อมตัว’ และ ‘growth mindset’
1.พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยความถ่อมตน (humility)
การเป็นคนถ่อมตนไม่ได้หมายความว่าเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่คนถ่อมตนคือคนที่รู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง เมื่อเจอเรื่องที่ไม่รู้ คนถ่อมตนจะไม่กลัวที่จะตั้งคำถามเพื่อให้ได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติม แม้ว่าอาจจะเป็นคำถามพื้น ๆ ในสายตาคนอื่น ซึ่งการยอมรับว่าตัวเองไม่ได้รู้ทุกเรื่องและยังมีอะไรอีกมากมายรอให้เรียนรู้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด
ทำอย่างไรหากอยากเป็นคนถ่อมตนมากขึ้น?
- ฝึกยอมรับข้อผิดพลาด รู้ว่าตัวเองมีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร และกล้าที่จะยอมรับผิดและรับผิดชอบโดยไม่แก้ตัว เพราะความผิดพลาดเป็นสัญญาณที่ทำให้เราได้รู้ว่ายังมีพื้นที่สำหรับการเติบโตขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใจร้ายกับตัวเอง เพราะความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในขั้นตอนของการเรียนรู้
- ฝึกฟังอย่างตั้งใจ เปิดรับคำวิจารณ์จากผู้อื่นแล้วฟังอย่างตั้งใจ
- รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องขอความช่วยเหลือ ไม่ต้องกลัวที่จะบอกว่าเราไม่รู้และต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม เพราะไม่จำเป็นที่เราจะต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดในทุกเรื่อง
2.เชื่อว่าตัวเองพัฒนาได้ด้วย growth mindset
growth mindset หรือวิธีคิดแบบเติบโต คือแนวคิดที่ว่าคนเราสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ ซึ่งเป็นแนวคิดคู่ตรงข้ามกับ fixed mindset เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นคนที่มี growth mindset จะมองว่าเป็นความท้าทายและเป็นโอกาสในการพัฒนาตัวเอง รวมทั้งเชื่อว่าแม้พรสวรรค์จะทำให้เรามีทักษะพื้นฐานต่างกัน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็สามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยความตั้งใจฝึกฝน การมีวิธีคิดแบบนี้จึงนำไปสู่ความชอบเรียนรู้ที่มากกว่าคนอื่น ๆ
ทำอย่างไรหากอยากเป็นคนมี growth mindset?
- วิเคราะห์ตัวเอง เริ่มจากการวิเคราะห์ว่าตอนนี้ตัวเราน่าจะใกล้เคียงกับการมี growth mindset หรือ fixed mindset มากกว่ากัน เพื่อให้เรารู้ว่าเราต้องปรับวิธีคิดมากแค่ไหน
- ปรับมุมมองต่อความล้มเหลว ให้คิดซะว่าความล้มเหลวทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง เราอาจจะลองนึกย้อนไปถึงเรื่องยาก ๆ ในอดีตที่เราผ่านมันมาได้ เช่น ในตอนเรียนมหาวิทยาลัย เราคงจะเคยเจองานยาก ๆ ที่ตอนแรกเราไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่ในท้ายที่สุดเราก็ทำมันได้ แถมอาจจะทำได้ดีกว่าที่คิดด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าจริง ๆ แล้วเรามีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ ถ้าเราตั้งใจ ขอแค่อย่าเพิ่งรีบปิดกั้นตัวเอง หรือล้มเลิกไปเสียก่อน
- ให้รางวัลตัวเองตอบแทนความตั้งใจ คนที่มี growth mindset เชื่อว่าความสำเร็จเกิดขึ้นจากการลงมือทำอย่างตั้งใจมากกว่าเกิดขึ้นจากพรสวรรค์ ดังนั้นเมื่อเราได้ลงมือทำอย่างตั้งใจแม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่ประสบความสำเร็จ 100% แต่เราสามารถให้รางวัลกับตัวเองได้ อาจจะเป็นแค่คำชมเพื่อเพิ่มกำลังใจตัวเองหรือเป็นสิ่งของที่จับต้องได้เลยก็ได้
- เชื่อมั่นว่าเรายังทำไม่ได้ ‘แค่ตอนนี้’ ตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ตลอดไป
- ปรับวิธีชื่นชมคนอื่นเพื่อเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเอง การชื่นชมคนอื่นว่า “คุณเก่งมากเลย” ไม่ได้ผิดอะไร แต่หากลองเปลี่ยนเป็น “ที่ผ่านมาคุณต้องเตรียมตัวมาอย่างหนักแน่เลย” อาจจะทำให้เราได้รู้ว่ากว่าคนอื่นจะเก่งขนาดนี้เขาก็ต้องใช้เวลากับมันอย่างหนักเช่นกัน
Mindset ที่ใฝ่รู้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรายังคงตามโลกได้ทันในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเราเข้าใจเรื่องรอบตัวมากขึ้น เราก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะในเรื่องงาน แต่ยังรวมถึงเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต เช่น การทำธุรกิจ การออกกำลัง การเลี้ยงดูลูก หรือแม้กระทั่งช่วยพัฒนาบุคลิกให้เราเป็นคนน่าเข้าหามากขึ้นอีกด้วย
อ้างอิง:
https://www.forbes.com/sites/bernardmarr/2023/04/21/the-power-of-mindset-how-curiosity-and-humility-can-drive-career-success/?sh=134abcf65e0c
https://creativetalkconference.com/curiosity-and-creativity-at-work/