- 1. โรคระบาดยังไม่หายไปและการผลิตวัคซีนยังไม่สำเร็จ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังคงมีอยู่ทั่วโลก และมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นทุกวัน แม้สถานการณ์ในไทยจะดีขึ้น แต่ก็ยังคงต้องรักษาระยะห่างระหว่างกันอยู่ (social distancing) ดังนั้นการที่บริษัทให้สิทธิ์ work from home ก็จะช่วยลดความหนาแน่นของการเดินทางผ่านขนส่งสาธารณะ และลดความแออัดในออฟฟิศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อด้วยเช่นกัน
- 2. ประสิทธิภาพและประสิทธิผลการทำงานที่ดีขึ้น
มีงานวิจัยหลายชิ้นในต่างประเทศที่สนับสนุนว่า work from home ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น เช่นเดียวกับผลสำรวจล่าสุดของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่ได้ทำการศึกษาผลกระทบของการทำงานที่บ้านของพนักงานในองค์กรของตนเองในช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมา โดยพบว่าพนักงานมีผลิตภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่าในรูปตัวเงินประมาณ 4.2 แสนบาทต่อเดือน
ผลสำรวจล่าสุดของ Adecco ก็มีทิศทางที่สอดคล้องกัน โดยพบว่าพนักงานกว่า 88% เชื่อว่าการทำงานจากที่บ้านไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพงานแต่อย่างใด โดย 37% คิดว่าพวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าตอนมาทำงานออฟฟิศด้วยซ้ำ ซึ่งค่อนข้างสวนทางกับบริษัทที่กลัวว่า work from home จะทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลการทำงานลดลง
- 3. พนักงานมีความสุขขึ้นจากชีวิตที่มี work-life balance
การผสมผสานการทำงานจากที่บ้านในบางวัน จะช่วยให้พนักงาน สามารถบริหารจัดการเวลาในชีวิตได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่เสียเวลาไปกับรถติดเฉลี่ย 72 นาทีต่อวัน หากพนักงานสามารถนำเวลานี้ไปใช้เวลากับครอบครัวหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ก็จะทำให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีสมดุลในการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งผลสำรวจของ Adecco เองก็พบว่า 80% ต้องการผสมผสานการ work from home สลับกับการมาทำงานที่ออฟฟิศ
- 4. สร้างความได้เปรียบในการสรรหาบุคลากรและลดอัตราการลาออก
work-life balance เป็นสิ่งที่คนยุคนี้ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ดังนั้นหากบริษัทให้สิทธิ์พนักงานเลือกทำงานที่ออฟฟิศแม้เพียงบางวัน ก็จะยิ่งดึงดูดให้ผู้สมัครสนใจเข้ามาร่วมงานกับบริษัทมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่พิเศษกว่าบริษัททั่วไป ขณะเดียวกันก็ทำให้พนักงานเดิมแฮปปี้กับคุณภาพชีวิตและอยากทำงานร่วมกับองค์กรต่อไปนานๆ
- 5. เตรียมพร้อมสำหรับการระบาดระลอกใหม่
อย่าลืมว่าปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 อย่างเป็นทางการ จึงมีโอกาสที่โรคจะกลับมาระบาดได้อีกเสมอ บริษัทจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมเสมอสำหรับการกลับไปทำงานแบบ work from home 100% โดยใช้เวลานี้พัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานแบบ work from home ให้สมบูรณ์ เช่น เตรียมพร้อมเทคโนโลยีและระบบ IT ให้รองรับ ปรับปรุงการประชุมออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือ หาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบ work from home เพื่อเป็นการเตรียมรับมือกับเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต