อาการเบื่องานเชื่อว่าคงเคยเกิดขึ้นกับคนทำงานแทบจะทุกคน ความรู้สึกไม่อยากตื่นไปทำงาน เกลียดวันจันทร์ แค่นึกถึงงานก็รู้สึกเบื่อ เซ็ง หรืออาจถึงขั้นหดหู่ อยากลาออกไปให้พ้นๆ ไม่อยากเจอหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน เบื่อทุกอย่างที่เกี่ยวกับงาน แต่ก็ลาออกไม่ได้เพราะภาระที่รับผิดชอบ ทั้งภาระครอบครัว หรือหนี้สินที่แบกรับอยู่ อาการแบบนี้ทางการแพทย์เตือนว่าต้องเฝ้าระวัง เพราะถ้าเป็นนานเข้า อาจพัฒนาไปสู่ภาวะทางการแพทย์ที่เรียกว่า “หมดไฟ” หรือ Burnout
“หมดไฟ” ภัยเงียบที่กัดกินพนักงานและองค์กร
อาการหมดไฟไม่เพียงกระทบกับพนักงานเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบต่อองค์กรด้วยจากประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลง พนักงานขาดความกระตือรือร้น ขาดความคิดริเริ่มที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ ไม่สุงสิงกับเพื่อนร่วมงาน ลาป่วยบ่อย เกิดปัญหาการขาดงาน ลามไปจนถึงลาออก สภาวะหมดไฟจึงเป็นปัญหาสำคัญที่ทั้งพนักงานและองค์กรไม่ควรมองข้าม
เช็คสัญญาณหมดไฟในการทำงาน
- เหนื่อยล้า รู้สึกหมดพลัง ไร้เรี่ยวแรง
- มีความรู้สึกในด้านลบ บ่น หรือวิจารณ์งานที่ทำ
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“เติมไฟเท่าไรก็ไม่พอ เพราะต้นตอที่ทำให้ไฟมอดยังคงอยู่”
แก้ปัญหาหมดไฟอย่างไรดี ?
- หาสาเหตุของอาการหมดไฟให้เจอ
ในทางการแพทย์มองว่าการรักษาอาการหมดไฟต้องแก้ที่ต้นเหตุ เพราะการเบื่องานไม่ได้เกิดจากความรู้สึกของตัวเราที่อยู่ดีๆ ก็เบื่อ แต่เกิดจากความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เราเผชิญอยู่ทุกวัน เช่น ลักษณะงานที่มีความกดดัน งานล้นมือ การต้องทำงานที่ไม่ถนัดหรือขัดกับลักษณะนิสัยของตนเอง การมีปัญหากับสังคมในที่ทำงานไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง การถูกเลือกปฏิบัติ ผลตอบแทนที่ได้รับไม่คุ้มกับสิ่งที่ลงแรงไป หรือการขาดสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตกับการทำงาน - แก้ปัญหาให้ถูกจุด
เมื่อคนเราเกิดความเครียดและไม่รู้จะรับมือกับปัญหาอย่างไร บางคนอาจหันเข้าหาแอลกอฮอล์หรือใช้ยาเสพติดเพื่อหลีกหนีความจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังส่งผลเสียต่อรางกายอีกด้วย
ทางที่ดีที่สุดคือ หาสาเหตุของปัญหาให้เจอ แล้วจัดการที่ต้นตอของสาเหตุนั้นๆ โดยอาจเริ่มต้นจากการปรึกษาเพื่อนหรือครอบครัวเพื่อหาแนวทางแก้ไข หรือสำรวจว่ามีอะไรที่เราพอจะแก้ได้โดยการเริ่มต้นที่ตัวเราได้บ้าง แล้วค่อยๆ แก้ปัญหาไปทีละจุด - เริ่มที่ตัวเอง
เชื่อหรือไม่ว่าหลายครั้ง ความเครียดที่เกิดขึ้นก็มาจากความคาดหวังจากตัวเองสูงเกินความเป็นจริง เมื่อทำไม่ได้ก็รู้สึกล้มเหลว ไร้ค่า ผู้ที่มีแนวโน้มต่อสภาวะ Burnout คือกลุ่มคนที่วัดคุณค่าของตนจากงาน คาดหวังว่าตนต้องจัดการงานทุกอย่างได้ด้วยตนเอง และไม่กล้าปฏิเสธแม้จะมีโอกาส
หนึ่งในทางออกที่ดีที่สุดจึงเป็นการปรับทัศนคติและความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลลง กล้าที่จะขอความช่วยเหลือ และตระหนักว่า คุณค่าของตน ไม่ได้ถูกวัดจากการทำงานเพียงอย่างเดียว - ปรึกษาจิตแพทย์
การปรึกษาจิตแพทย์ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ป่วยทางจิตเท่านั้น แต่ผู้ที่มีภาวะเครียดทั่วไปก็สามารถเข้ารับคำแนะนำได้ สำหรับอาการหมดไฟ จิตแพทย์สามารถช่วยรับฟัง ให้คำปรึกษาและเทคนิคดีๆ ในการผ่อนคลายความเครียด ตลอดจนวิธีการรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณกลับมายอมรับนับถือตนเองและหลุดจากปัญหานี้ได้ - เปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน
หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงานได้ การลาออกหรือการย้ายงานก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดการกับปัญหาการหมดไฟ การลาออกไม่ได้แปลว่าคุณล้มเหลวแต่มันคือการเริ่มต้นใหม่ อย่าคิดว่างานที่คุณทำอยู่คือทั้งหมดของชีวิตจนคุณไม่สามารถลาออกได้ ชีวิตยังมีทางเลือกอีกมาก โลกนี้ยังมีงานอีกมากมายที่คุณสามารถทำได้ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นในศักยภาพ เตรียมพร้อม และเปิดโอกาสให้ตัวเอง คุณอาจพบงานที่ดีและลงตัวกับชีวิตของคุณแบบที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ได้
อ้างอิง:
https://www.who.int/mental_health/evidence/burn-out/en/
https://academic.oup.com/occmed/article/50/7/512/1444456
https://mgronline.com/live/detail/9620000051399
https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/burnout-work-related-real-chronic-stress-therapy-singapore-who-20584630