ในขณะที่ความรักในงานที่ทำเป็นปัจจัยผลักดันสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน ยังมีปัจจัยอีกหลากหลายที่มีส่วนช่วย เพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน - หนึ่งในนั้นก็คือสภาพแวดล้อมในการทำงาน หากองค์กรมี สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ยิ่งจะช่วยทำให้พนักงานเกิดความพึงพอใจในการทำงานและช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานให้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพนักงานสามารถปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรได้ สามารถทำงานร่วมกับผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน ได้เป็นอย่างดีพนักงานก็จะมีประสบการณ์ในการทำงานในเชิงบวกมากขึ้น ซึ่งมักจะส่งผลให้เกิดผลิตภาพในงานในระดับที่สูงขึ้นเช่นกัน พนักงานให้อยู่กับองค์กรและเป็นปัจจัยดึงดูดบุคคลที่มีความสามารถให้สนใจเข้ามาร่วมงานกับองค์กรแล้ว สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ยังเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดอัตราการขาดงานของพนักงาน รวมทั้งช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจในการทำงานของพนักงานและเสริมสร้างสภาพ แวดล้อมการทำงานที่สนุกสนานปราศจากความเครียดอีกด้วย ภัยคุกคามจากการระบาดของโรคต่างๆเกิดขึ้นใกล้ตัว นายจ้างจำต้องพิจารณาหาวิธีที่จะทำให้สมาชิกในทีมมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย คำถามคือ แล้วบริษัทจะต้องทำอย่างไรจึงจะบรรลุวัตถุประสงค์นี้ได้? แล้วอะไรคือปัจจัยอันแท้จริงที่จะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อ มการทำงานที่เอื้อต่อสุขภาพที่ดี? และมีการควบคุมบังคับบัญชาลดหลั่นลงไปยังส่วนต่างๆตามสายงาน ความสำเร็จของพนักงานแต่ละคนได้รับการยอมรับ มุ่งเน้นเรื่องการทำงานกันเป็นทีมพนักงานมีอุปกรณ์ในการทำงานที่พร้อมใช้งานและได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายซึ่งช่วยกระตุ้นให้ พวกเขาสร้างผลงานที่ดีที่สุด”กล่าวโดย David Shaw ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาหลักของ บริษัท Courageous Brand ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาที่ช่วยให้องค์กรเสริมสร้างให้พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น และสามารถขยายศักยภาพของพวกเขาได้เป็นอย่างดี |
ตามความเห็นของ David Shaw วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุตามเป้าหมายดังกล่าวได้ก็คือ การส่งเสริมด้านการสื่อสาร “ต้องสื่อสารให้พนักงานทุกคนทราบอย่างชัดเจนว่า การทำงานในแต่ละวันของพวกเขา มีส่วนสำคัญที่จะช่วยบริษัทให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรบ้าง การส่งเสริมด้านการสื่อสาร สามารถทำผ่านระบบความดีความชอบ (merit) ผ่านการจัดให้มีการรวมกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ ความสนใจ ให้คนอื่นๆฟังและร่วมแสดงความคิดเห็น แบบที่เรียกว่า coffee talks รวมทั้งจัดกิจกรรมเสริมสร้างการทำงานเป็นทีมขึ้นเป็นประจำ” David Shaw กล่าว
การเสริมแรงทางบวก (Positive reinforcement) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังอีกตัวหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม การให้รางวัลในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เบี้ยขยัน การขึ้นเงินเดือน หรือการให้โบนัส เท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นว่าองค์กรให้ความสำคัญกับพนักงาน และในขณะเดียวกัน ก็ช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และส่งเสริมให้พนักงานทำงานให้ดียิ่งขึ้น พนักงานจะรู้สึกดีเมื่อรู้สึกว่าการทุ่มเททำงานอย่างหนักของพวกเขาได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับรางวัลในรูปแบบของเงินโบนัสที่เกิดจากผลการปฎิบัติงานที่ดี |
จากมุมมองในเชิงทรัพยากรบุคคล การที่เน้นความสนใจที่เหมาะสม ไปยังเรื่อง วิธีปฏิบัติในการจ้างงาน และการประเมินผลการปฏิบัติงาน สามารถสร้างความแตกต่างได้เช่นกัน เพราะนั่นหมายถึงว่า ได้มีการจ้างคนที่เหมาะสมให้เข้าไปทำงานในตำแหน่งที่ตรงกับทักษะ ความสามารถและความสนใจ โดยปกติแล้ว ความพึงพอใจใน การทำงานของพนักงานจะสูงสุดเมื่อพนักงานสามารถใช้จุดเด่น ของตนแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆใน ขณะที่เติบโตไปในตำแหน่งหน้าที่การงานของพวกเขา ในขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารก็ควรเปิดโอกาสให้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบ ภายในที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่า พนักงานได้ทำงานในตำแหน่งงาน ที่เหมาะสมตามความสามารถ อย่างไรก็ดี หากมีพนักงานคนไหน ไม่สามารถทำงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า พนักงานคนนั้นจะไม่เหมาะกับหน้าที่รับผิดชอบอื่นๆในองค์กรไปด้วย
เราทุกคนต่างต้องการที่จะสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ด้วยตนเอง และการที่องค์กรสนับสนุนให้พนักงานได้ทำงานในแบบที่พวกเขาต้องการ องค์กรจะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง นอกจากนั้น ยังเป็นการช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจในการทำงาน เพราะเมื่อ การทำงานแบบที่ผู้บริหารเน้นการกำกับดูแลและควบคุมงานของ ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดจนถึงระดับรายละเอียดของงาน (Micro-management) ถูกกำจัดออกไป ความรู้สึกว่า “ถูกบังคับให้ทำ” จะลดลง และพนักงานจะเริ่มทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างเต็มที่อย่าง ภาคภูมิใจในความเชี่ยวชาญของตนและแสดงความสามารถอย่าง เต็มศักยภาพมากกว่าทำงานด้วยความรู้สึกว่า “ต้องทำ”
|
การส่งเสริมให้พนักงานทำงานอย่างชาญฉลาดมากกว่าทำงานหนัก จะช่วยให้พนักงานประสบความสำเร็จ และมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ซึ่งองค์กรจำต้องสื่อให้พนักงานทราบอย่างชัดเจนว่า องค์กรมีความคาดหวังเรื่องผลการปฏิบัติงานอย่างไร รวมทั้งมีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า ปริมาณงานที่พนักงานรับผิดชอบนั้นมีความเหมาะสม และมีการจัดสรรอย่างดี ไม่มาก ไม่น้อย ไม่หนักเกินไป ตามความเห็นของ David Shaw ในขณะที่ปริมาณงานที่พนักงานรับผิดชอบนั้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน ผู้บริหารควรเป็นผู้กำหนดว่าปริมาณงานแค่ไหนคือมากเกินไป “ภาวะความเป็นผู้นำ – โดยเฉพาะคุณสมบัติด้านการจัดการ - มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดสุขภาพจิต ซึ่งหมายรวมถึงความสามารถทางร่างกายและจิตใจ ให้พร้อมที่จะรับผิดชอบงานมากขึ้น” David Shaw กล่าว “ถ้าคุณมีพลัง มีแรงกระตุ้น มีแรงบันดาลใจ และมีความพร้อมในการทำงานให้ดีที่สุด สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นแรงผลักให้คุณทำงานออกมาได้ดีที่สุด”
Carine Rolland ผู้อำนวยการด้านการบริหารคนเก่งของ อเด็คโก้เอเชียแปซิฟิก (Adecco APAC) ได้ให้ความเห็นเรื่องการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล หรือการให้ความเป็นส่วนตัวกับพนักงานว่า “พื้นที่ส่วนตัวที่เป็นเสมือนอาณาเขตส่วนตัวในการทำงานนั้น อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อทัศนคติและความสามารถในการทำงานของพนักงาน ปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิโดยรอบในการทำงาน ความสว่างของแสงไฟในที่ทำงาน ระยะห่างระหว่างบุคคล และระดับเสียงในสถานที่ทำงาน ต่างมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมในการทำงานโดยรวม เป้าหมายคือ การสร้างสถานที่ทำงานที่รื่นรมย์ น่าทำงานให้กับพนักงาน และในขณะเดียวกันก็มักจะหมายถึง การปล่อยให้พวกเขามีอิสระในการจัดสภาพแวดล้อมในทำงานของพวกเขาเองด้วย ฉันเรียนรู้เรื่องนี้จากประสบการณ์ตรงของตัวเองว่า เรื่องนี้นับเป็นปัจจัยเชิงบวกจริงๆ”
|
การเจ็บไข้ได้ป่วยอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพใน การทำงานลดลง และในโลกของการทำงานทุกวันนี้ การเจ็บไข้ได้ป่วยกลาย เป็นปัญหาที่แท้จริงที่ส่งผลกระทบต่อหลายๆองค์กร เมื่อพนักงานโทรมาขอ “ลาป่วย” ก็เท่ากับว่าบริษัทสูญเสียผลิตภาพในการทำงานของพนักงานผู้นั้น ไปอย่างน้อยหนึ่งวันหรือมากกว่า สิ่งที่บริษัททำได้ก็แค่เพียง อวยพรขอให้ พวกเขาฟื้นตัวหายป่วยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า พนักงานที่โทรมาขอ “ลาป่วย” นั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะ “ป่วย” จริงๆไปซะทุกคน องค์กรควรจะมีวิธีจัดการรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร? หรือถ้าจะให้ดี ไปกว่านั้นองค์กรควรทำอย่างไรเพื่อส่งเสริมให้พนักงานของพวกเขามี สุขภาพดีและลาป่วยให้น้อยลงได้?
David Shaw แนะนำว่าควรมีการให้โบนัสกับพนักงานที่มีประวัติการทำงาน ที่ดีไม่เคยขาดลามาสาย นอกจากนั้น ควรจัดให้มีแพทย์ประจำบริษัท ไม่ว่าจะอยู่ในอาคารสำนักงานเดียวกันหรืออยู่ออฟฟิศใกล้ๆ ให้พนักงานสามารถ ไปพบแพทย์ได้ง่ายเมื่อจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล ออฟฟิสซึ่งจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคและการเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดหาอุปกรณ์ล้างมือทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค ประจำออฟฟิศ ในขณะเดียวกันผู้บริหารยังควรสนับสนุนให้พนักงาน ที่มีอาการป่วยลาหยุดพักรักษาตัวที่บ้านมากกว่ามาทำงานแล้วอาจทำให้ พนักงานคนอื่นป่วยตามไปด้วย องค์กรยอมให้พนักงานลาป่วยหนึ่งคนเพียง ไม่กี่วัน ยังดีกว่าการที่พนักงาน 50-60%ของทีมงานที่ทำงานร่วมกับ พนักงานที่ป่วยต้องป่วยตามไปด้วย
และการลาป่วยถูกนำมาใช้เมื่อพนักงานรู้สึกไม่อยากมาทำงาน แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะแยกว่าพนักงาน ป่วยจริง หรือ ป่วยการเมือง สิ่งที่องค์กรสามารถทำได้คือให้หัวหน้างาน “เปิดใจพูดคุยกับพนักงาน” David Shaw แนะนำว่า“เมื่อคุยแล้วก็ให้พิจารณาดูว่า พนักงานคนไหน เจ็บป่วยเรื้อรังจริง หรือพนักงานคนไหนป่วยการเมือง สำหรับพนักงานที่ เจ็บป่วยเรื้อรังจริงก็ให้หาทางช่วยเหลือเพื่อให้หายป่วย แต่ในกรณี ป่วยการเมือง ควรมีมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น สื่อสารเป็นนัย ว่าคุณจับตามองพฤติกรรมของเขาอยู่”
เสริมสร้างประสิทธิภาพและสร้างบรรยากาศเชิงบวกในการทำงาน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม ยังหมายถึง ความสามารถในการคัดพนักงานที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างต่อเนื่องออกไปด้วย ตัวอย่างเช่นพนักงานที่ลาหยุดลาป่วยเป็นประจำ ในขณะที่เก็บรักษาคนเก่ง คนขยันจริงๆให้อยู่กับองค์กร องค์กรจำเป็น ต้องกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้พนักงานพร้อมที่จะเติมพลังให้พวกเขา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยทำให้พนักงานสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ การทำงานและมีขวัญกำลังใจในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น |
อเด็คโก้ประเทศไทย เป็นผู้นำและเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำ เกี่ยวกับงานทรัพยากรบุคคล ไม่ว่าจะเป็นด้าน การสรรหาพนักงานและการจัดจ้างพนักงานประจาและชั่วคราว การให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล การฝึกอบรม การพัฒนาบุคลากร และบริการให้คำปรึกษาด้านสายอาชีพ ด้วยประสบการณ์กว่า 26 ปีในประเทศไทย บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาระบบเครือข่าย และ ความเชี่ยวชาญ ชำนาญด้านงานบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบไปด้วย 10 กลุ่มธุรกิจ โดยมีบุคลากรของบริษัทฯ กว่า 10,000 คน ปฏิบัติ หน้าที่ในบริษัทต่าง ๆ ในแต่ละวัน ภายใต้ระบบโครงสร้างภายในอันแข็งแรงด้วยการปฏิบัติงานของพนักงาน กว่า 200 คน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.adecco.co.th
|