7 เรื่องที่ควรรู้ก่อนเป็น Manager ครั้งแรก

เมษายน 23, 2567 การพัฒนาภาวะผู้นำ
7 เรื่องที่ควรรู้ก่อนเป็น Manager ครั้งแรก

มีคนทำงานมากมายที่ตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าและได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้างาน โดยมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เงินเดือนสูงขึ้นและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเป็น Manager ยังตามมาด้วยความรับผิดชอบมากมาย รวมถึงการต้องปรับมุมมองและปรับพฤติกรรมอีกหลายอย่าง ซึ่ง Manager มือใหม่หลายคนอาจมองข้ามเรื่องนี้ไป

 

ดังนั้นเพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับสิ่งที่ต้องเจอในฐานะ Manager มาทำความรู้จักบทบาทหน้าที่ของ Manager ให้มากยิ่งขึ้นจากบทความนี้

หน้าที่ของ Manager

Manager เป็นตำแหน่งที่คอยดูแลรับผิดชอบภาพรวมกิจกรรมต่าง ๆ ของทีม โปรเจกต์ หรือกระบวนการทำงานต่าง ๆ ให้เป็นอย่างราบรื่น ในขณะที่เนื้องานหลักจะแตกต่างกันไปในแต่ละแผนก นอกจากนี้ Manager ยังมีหน้าที่เป็นคนกลางในการสื่อสารในแง่เป้าหมาย นโยบาย และกลยุทธ์ทางธุรกิจจากผู้บริหารระดับสูง มาสู่พนักงานในทีม เพื่อผลักดันงานต่าง ๆ ให้สำเร็จตามเป้าหมายขององค์กร

เมื่อการฉลองตำแหน่งใหม่สิ้นสุดลง ชีวิตจริงก็เริ่มต้นขึ้น

ผลสำรวจ Journal of Happiness Studies จากคนทำงานเกือบ 26,000 คนในประเทศเยอรมันพบว่า คนมักมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งในกรณีที่ยังไม่แตะระดับ Manager อย่างไรก็ตาม เมื่อเลื่อนตำแหน่งจนถึงระดับ Manager แล้ว คนจำนวนมากกลับมีความสุขน้อยลงในช่วง 2 ปีแรก โดยหลังจากผ่าน 2 ปีแรกไปได้ ความสุขถึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หมายความว่า ในช่วงปีแรกแม้คุณจะรู้สึกดีที่ได้รับเงินเดือนสูงขึ้น หน้าที่การงานดีขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเครียดที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

สิ่งที่คุณต้องเตรียมรับมือเมื่อเป็น Manager

1.คุณต้องจัดการปัญหาต่าง ๆ ของผู้อื่น

แม้ว่าคุณจะเป็น extrovert ที่ชอบทำงานกับผู้คน แต่การจัดการกับปัญหามากมายของคนหลากหลายรูปแบบก็อาจไม่ใช่เรื่องสนุกสักเท่าไหร่ คนเป็น Manager จึงควรเป็นคนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี มีความเห็นใจผู้อื่น และรู้จักวิธีการสื่อสารกับคนหลากหลายรูปแบบ

2.คุณจะได้เรียนรู้งานที่ไม่เคยทำมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นการวาง strategy ของทีม forecast budget ประจำปี ให้ feedback ลูกน้อง ประเมินลูกน้อง ตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่าง ๆ สัมภาษณ์และคัดเลือกผู้สมัคร รวมถึงดูแลสารทุกข์สุขดิบของคนในทีม ซึ่งล้วนเป็นความท้าทายใหม่ที่คุณต้องผ่านไปให้ได้

3.หัวหน้าและลูกน้องของคุณจะคาดหวังในตัวคุณมากขึ้น

ลูกน้องจะคาดหวังให้คุณเป็นคนเก่ง มีน้ำใจ เด็ดขาด เป็นเกราะกำบังให้คนในทีม และเป็นหัวหน้าในอุดมคติ ในขณะที่หัวหน้าจะคาดหวังให้คุณผลักดันทีมไปถึงเป้าหมายของบริษัทให้ได้ คุณยังมีหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใหญ่กับลูกน้องซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องง่ายในบางครั้ง ด้วยภาระเหล่านี้ทำให้ Manager เป็นตำแหน่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเครียดจากการต้องบริหารงานและบริหารคนอยู่ตลอดเวลา

4.คุณจะได้ทำงานนอกเวลาในบางครั้ง

คุณอาจยังสามารถจัดการ work-life balance ได้ แต่เส้นแบ่งจะไม่ชัดเจนเท่าเดิม เพราะในบางครั้งมีเพียงตำแหน่งของคุณเท่านั้นที่จะมีอำนาจในการตัดสินใจมากพอ คุณจึงจำเป็นต้องเป็นคนรับผิดชอบงานนั้น ๆ แม้ว่าจะกินเวลาส่วนตัวไปบ้าง

5.คุณอาจรู้สึกเหงามากขึ้น

เมื่อคุณเป็น Manager คนจะวางตัวและปฏิบัติกับคุณต่างจากเดิม ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกเกรงใจ ให้เกียรติ หรือความรู้สึกว่าควรมีระยะห่าง เพราะคุณและผู้อื่นกำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้อง บวกกับตารางงานของคุณที่จะแน่นมากขึ้น ทำให้คุณมีเวลาคุยเล่นกับผู้อื่นน้อยลง ได้กินข้าวคนเดียวแบบรีบเร่งบ่อยขึ้น จึงอาจรู้สึกเหงาโดยเฉพาะในช่วงที่กำลังปรับตัว

6.คุณจำเป็นต้องอินกับธุรกิจขององค์กรเพื่อให้มีความสุขกับงาน

เนื้องานของคุณจะเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนธุรกิจมากกว่าที่เคย คุณจะต้องตามเทรนด์ธุรกิจอยู่เสมอ พร้อมทั้งเรียนรู้ธุรกิจขององค์กรตัวเองและคู่แข่งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถวางกลยุทธ์และผลักดันทีมได้อย่างถูกต้อง หากคุณไม่อินกับธุรกิจขององค์กร คุณอาจไม่มีความสุขกับการทำงานในตำแหน่งนี้มากนัก

7.ความสำเร็จของคุณจะไม่ใช่รูปแบบเดิม

ในตอนที่ยังเป็นลูกน้อง ความสำเร็จของคุณมาจากการทำงานของตัวเองให้ออกมาดีที่สุด แต่เมื่อเป็นหัวหน้า คุณจะได้ลงมือทำงานเองน้อยลง เน้นการแบ่งงานให้คนอื่น เน้นดูภาพรวมของงาน และคอยซัปพอร์ตทีมให้ทุกอย่างราบรื่นมากที่สุด คุณจึงมักไม่ใช่เจ้าของผลงานเพียงผู้เดียวเหมือนแต่ก่อน คุณมักต้องให้เครดิตกับลูกน้องและรับความสำเร็จในฐานะผู้นำที่ดีแทน

ทำอย่างไรเมื่อเป็น Manager แล้วรู้สึกติดขัด?

เป็นเรื่องปกติมากที่ Manager มือใหม่จะรู้สึกยากในช่วงเริ่มต้น เพราะที่ผ่านมาคุณเคยแต่พิสูจน์ว่าคุณทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเยี่ยม แต่คุณยังไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งนี้มาก่อน

Harvard Business Review รายงานว่า มีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนไม่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำ เช่น ไม่มีความสามารถในการสร้างทีม ไม่มีทักษะการสื่อสารที่ดีพอ ขาดความมุ่งมั่นเมื่อเจอกับเรื่องยาก ความเห็นแก่ตัว และขาดจริยธรรมในการทำงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็ยังไม่เท่ากับปัญหาใหญ่ที่สุด นั่นคือ เมื่อผู้นำไม่รักในการเป็นผู้นำ เพราะเมื่อคน ๆ นั้นไม่มีความสุขกับบทบาทของตัวเอง ก็ยากที่จะทำให้ตัวเองและทีมประสบความสำเร็จได้

ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องทำในช่วงแรกคือ ค่อย ๆ เรียนรู้ และปรับตัว เรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วค่อย ๆ แก้ไขให้ดีขึ้น หากรู้สึกว่าต้องการความช่วยเหลือ สามารถลองขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เช่น หัวหน้าของคุณหรือ HR ประสบการณ์ที่คุณได้เรียนรู้จะค่อย ๆ พัฒนาให้คุณรู้จักวิธีจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 
---

การได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้างานเป็นเรื่องน่ายินดี และเป็นบทพิสูจน์ว่าที่ผ่านมาคุณทำได้ดีแล้ว ขอแค่ลองมองว่านี่เป็นโอกาสครั้งใหม่ที่จะได้เติบโตทั้งในหน้าที่การงานและการพัฒนาตัวเอง ถ้าคุณรักในการเป็น Manager และมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ ในวันหนึ่งคุณจะเป็น Manager ที่ดีได้อย่างแน่นอน

อ้างอิง: https://www.indeed.com/career-advice/career-development/am-i-ready-to-be-manager

https://www.theatlantic.com/ideas/archive/2024/01/promotion-work-business-happiness/677233/?utm_campaign=the-atlantic&utm_content=true-anthem&utm_medium=social&utm_source=linkedin

https://hbr.org/2023/10/should-you-become-a-manager