การเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษผู้สมัครหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยากเพราะการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษต้องเขียนให้เป๊ะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ อย่างไรก็ตามหากมีเทคนิคดีๆ ก็จะช่วยให้ผู้สมัครสามารถเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นและยังช่วยเน้นให้คุณสมบัติและความสามารถของผู้สมัครโดดเด่นขึ้นได้อีกด้วย ซึ่ง Adecco ได้รวบรวมเทคนิคที่จะช่วยยกระดับการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษของคุณให้ดีและเป๊ะยิ่งขึ้นมาให้คุณแล้ว ไปอ่านกันเลย!
1. เทคนิคการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษเพื่อการอ่าน skim
มีงานวิจัยที่เปิดเผยว่า HR ใช้เวลาอ่านเรซูเม่เฉลี่ยแค่ 6 วินาทีเท่านั้น เนื่องจากมีผู้สมัครส่งเรซูเม่เข้ามามากจึงทำให้อ่านได้แบบผ่านๆ ไล่ดูเฉพาะสิ่งที่สำคัญๆก่อน หรือที่เรียกว่าการอ่านแบบ skim ดังนั้น ผู้สมัครจึงควรกำหนดโครงสร้างเรซูเม่ให้มีเนื้อหาสำคัญให้ครบตามโครงสร้าง และเน้นหนาในหัวข้อ Education – Work Experience – Skills – Achievement ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญที่ HR จะไล่ดู โดยเลือกเฉพาะสิ่งที่สำคัญมาใส่ในเนื้อหา
-
Position Applied / Desired Position – ชื่อตำแหน่งที่สมัครต้องเขียนให้ถูกเสมอ
-
Education - นำการศึกษาชั้นสูงสุดขึ้นก่อนเสมอ ระบุให้ครบทั้งระดับปริญญา มหาวิทยาลัย คณะ และปีที่จบการศึกษา
-
Work Experience – มักนิยมใส่ตามไทม์ไลน์โดยนำตำแหน่งงานที่ทำล่าสุดขึ้นก่อน แต่หากมีประสบการณ์ทำงานมากหลายที่ให้เลือกเฉพาะประสบการณ์ที่เราคาดว่าจะตรงใจกรรมการและเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครมาใส่ไว้ในเรซูเม่
-
Skills - ควรวิเคราะห์ว่าทักษะไหนจำเป็นต่อตำแหน่งงาน แล้วนำทักษะนั้นมาใส่ไว้ให้เห็นเด่นชัด โดยอาจแบ่งหมวดเพื่อช่วยให้โฟกัสง่ายขึ้น เช่น Language Skills, Computer Skills, Hard Skills, Soft Skills เป็นต้น
-
Achievement – เป็นสิ่งที่จะทำให้เราโดดเด่น หากเรามีผลงานหรือความสำเร็จที่วัดผลได้ก็ควรระบุไว้ในเรซูเม่
2. เทคนิคการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษให้ไม่ผิด grammar
ปัญหาเรื่อง grammar หรือไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้สมัครขาดความมั่นใจในการเขียนเรซูเม่เพราะมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้นในการเขียนเรซูเม่ผู้สมัครจึงควรมีตัวช่วยในการตรวจทานภาษา โดยหากมีคนรู้จักเป็นเจ้าของภาษาก็อาจไหว้วานให้ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเรซูเม่ แต่หากไม่มีหรือไม่สะดวก ปัจจุบันก็มีแอปพลิเคชันที่ช่วยตรวจสอบการใช้ไวยากรณ์ได้ เช่น Grammarly ที่สามารถแก้ไขคำผิดและเสนอคำศัพท์ที่เหมาะสมกับบริบทของการเขียนได้ด้วยค่ะ
3. เทคนิคการเขียน work experience และการใช้ action verb
การเขียน work experience หรือประสบการณ์ทำงานในเรซูเม่ อย่างแรกต้องวิเคราะห์ก่อนว่างานนั้นๆ ต้องการคนที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์ด้านไหน และเลือกประสบการณ์ที่ตรงหรือใกล้เคียงกับตำแหน่งงานนั้นๆ มาใส่ในเรซูเม่ เมื่อเลือกได้แล้วก็มาถึงขั้นตอนการเขียน เทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจก็คือการใช้ action verb ที่จะช่วยให้ HR เห็นภาพชัดขึ้นว่าคุณทำงานอะไร และเกิดผลลัพธ์อย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการอธิบายหน้าที่การทำ customer service และอยากจะเขียนอธิบายถึงหน้าที่รับฟีดแบคและคอมเพลนจากลูกค้าแทนที่จะเขียนว่ามีหน้าที่ Receive feedback and complaint from customer หรือ provide customer service ก็อาจใช้ action verb ตัวอื่นเพื่ออธิบายหน้าที่ให้น่าสนใจและเห็นความรับผิดชอบและตัวชี้วัดของงานที่ทำชัดขึ้น เช่น
-
Ensured feedback and complaints are handled properly across KPIs
-
Managed daily complaints and improved customer service experience
-
Resolved customer complaints and achieved customer satisfaction score at 80%
โดยผู้สมัครอาจเลือกใช้ 20 Result-Oriented Verbs ที่ Adecco คัดไว้ หรือลองหา action verbs จากแหล่งอื่นเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการแต่งประโยค กรณีที่ผู้สมัครติดขัดด้านภาษาอาจลองศึกษาจากการอ่าน job description ในตำแหน่งงานที่สนใจจากหลายๆที่เพิ่มเติมเพื่อดูตัวอย่างการเขียน ศึกษารูปประโยค และหยิบยืมคำศัพท์มาใช้หรือก็จะช่วยให้คุณเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นค่ะ
4. เทคนิคหลีกเลี่ยงคำซ้ำและใช้ศัพท์ง่าย
การใช้ศัพท์ซ้ำกันและใช้ศัพท์ง่ายๆ บ่อย อาจทำให้ผู้อ่านคิดว่าเรามีคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษในหัวน้อยจึงควรปรับวิธีเขียนมาใช้คำศัพท์ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเห็นศักยภาพในการใช้ภาษาอังกฤษของเราได้ดียิ่งขึ้นขึ้น ดังนั้นเมื่อเขียนเรซูเม่แล้วมีคำซ้ำเยอะๆ หรือคำศัพท์ไหนที่ดูง่ายเกินไปก็ลองเสิร์ชหาคำที่มีความหมายคล้ายกัน (synonyms) มาใส่ในเรซูเม่เพื่อให้เรซูเม่ของเราน่าสนใจมากขึ้นได้ค่ะ